2553/12/20

เคล็ดลับดูแลผิวหน้าหนาว


เคล็ดลับดูแลผิวหน้าหนาว


ลมหนาวพัดมาอากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ ผิวของเรายิ่งต้องการการดูแลแบบดับเบิ้ลเลยทีเดียวค่ะ และวันนี้เราก็มีเคล็ดลับดูแลผิวหน้าหนาวนี้มาฝากผิวสวย ๆ ของคุณผู้หญิงด้วยนะค่ะ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณที่คุณใช้อยู่ก่อนช่วงอากาศหนาวอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพอากาศที่เย็นขึ้น เพื่อดึงความชุ่มชื้นให้กลับมาสู่ผิวพรรณของคุณดั่งเดิมค่ะ และ เคล็ดลับดูแลผิวหน้าหนาว นี้จะช่วยให้ผิวของคุณสวยใสสุขภาพดีได้ในหน้าหนาวนี้นะค่ะ นั้นเรามาดู 10 เคล็ดลับดูแลผิวหน้าหนาว ของเรากันเลยค่ะ


10 เคล็ดลับดูแลผิวหน้าหนาว

1. อย่างละเลยริมฝีปากอีกต่อไป

ที่แรกซึ่งมักจะรู้สึกถึงลมหนาวก่อนอื่นใดก็คือริมฝีปาก เนื่องจากริมฝีปากไม่มีต่อมไขมันอีกทั้งโครงสร้างผิวที่ค่อนข้างบางและมีหลอดเลือดอยู่ชิดกับผิวหนังชั้นบนริมฝีปากจึงเกิดอาการแห้งและแตกได้ง่าย วิธีดีที่สุดในการเยียวยาริมฝีปากก็คือการขัดลอกเซลล์ผิวที่แห้งแตกเป็นประจำและทาลิปบาล์มที่ไม่มีส่วนผสมอันระคายเคือง อย่างเช่น เปปเปอร์มินต์หรือเมนทอล สำหรับคนที่ริมฝีปากแห้งอย่างมากลองหาลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของโคคัวบัตเตอร์หรืออัลมอนด์ออยล์ คนที่ต้องการการปกป้องน้อยหน่อยลองเลือกแบบที่ผสมเชียบัตเตอร์


2. อย่าอาบน้ำอุ่นนานเกินไป

การอาบน้ำอุ่นสบายอาจฟังดูเย้ายวนใจในหน้าหนาวแต่มันจะพรากเอาความชุ่มชื้นตามธรรมชาติไปจากผิว ฉะนั้น อย่าอาบน้ำนานนักและอย่าให้อุณหภูมิของน้ำสูงเกินไป จากนั้นซับผิวพอหมาด ๆ แล้วรีบทาครีมหรือออยล์ตอนที่ผิวยังชื้น ๆ อยู่ เพื่อตรึงความชุ่มชื้นเอาไว้ในผิวหลีกเลี่ยงการหยดน้ำมันลงในน้ำอาบเพราะน้ำมันส่วนใหญ่มักจะไหลลงไปในท่อมากกว่าอยู่บนผิว อีกทั้งมันยังทำให้อ่างอาบน้ำลื่นและเป็นอันตรายได้และยังมีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าน้ำมันอาจทำให้สารทำความสะอาดเกาะติดอยู่กับผิวเป็นเหตุให้เกิดการระคายเคืองและความแห้ง


3. อย่าลืมขัดผิวอย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง

คุณอาจไม่อยากให้ผิวแห้งแตกเป็นขุยและหลุดร่อนออกมา แต่การขัดลอกเซลล์ผิวเป็นอีกเรื่องหนึ่งมันเป็นเรื่องของการผลัดผิว และแทนที่ด้วยเซลล์ผิวใหม่ที่เรียบเนียนกว่าและปกป้องผิวได้ดีกว่า และเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องความแห้งการผลัดเปลี่ยนเซลล์เป็นหน้าที่สำคัญอันดับต้น ๆ ของผิวที่สุขภาพดี แต่เนื่องจากความเสียหายจากแสงแดดจากความแห้งในอากาศทำให้ผิวต้องการความช่วยเหลือในการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวอย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรขัดลอกเซลล์ผิวอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยใช้สครับที่มีเม็ดขัดอันอ่อนโยน นอกจากจะช่วยเผยเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงกว่าแล้วยังทำให้ผิวสามารถดูดซับความชุ่มชื้นได้มากขึ้นด้วย


4. อย่าทำความสะอาดผิวรุนแรงเกินไป

สำหรับผิวกายคุณควรใช้สบู่ที่ปราศจากน้ำหอมและอ่อนโยนต่อผิวที่สุด และควรหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ยาฆ่าเชื้อโรคซึ่งจะขจัดน้ำมันออกจากผิวของคุณ ส่วนผิวหน้าเปลี่ยนมาใช้เคลนเซอร์แบบอ่อน ๆ อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวชนิดใดก็ตามที่ทำให้ผิวรู้สึกแห้งและตึง


5. ดูแลมือและเท้าให้มากขึ้น

มือและเท้าเป็นอีกส่วนของร่างกายที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบของความหนาวเย็นชัดเจนที่สุด ถ้ามือของคุณต้องสัมผัสกับน้ำบ่อย ๆ ทาครีมทุกครั้งหลังจากโดนน้ำ แต่ถ้าผิวยังคงแห้งอยู่ลองทาครีมและห่อมือด้วยถุงมือพลาสติกทิ้งไว้สักครู่คุณจะตกใจกับผลที่แตกต่างอย่างชัดเจน สำหรับเท้าปรนนิบัติมันสัปดาห์ละสามครั้งด้วยการแช่เท้าในอ่างน้ำอุ่นผสมเกลือทะเลและน้ำมันสองสามหยด หลังจากนั้นให้ทาครีมหรือน้ำมันที่ให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ เช่น เชียบัตเตอร์หรืออัลมอนด์ออยล์





6. ปรับเปลี่ยนการใช้ผลิตภัณฑ์สักหน่อย

ผิวของคุณต้องปรับตัวอย่างมากในการรับมือกับอากาศที่เย็นและแห้ง คุณควรลดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ขัดลอกเซลล์ผิวอย่างเช่น AHA ลงบ้าง เนื่องจากมันอาจทำให้ผิวแห้งมากขึ้นและทำให้ผิวระคายเคืองได้ นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงพวกแอสตริงเจนต์ที่มักจะทำให้ผิวแห้งลงไปอีกด้วย ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องสิวคุณอาจจะยังคงใช้ยาทาเพื่อการรักษาได้ แต่ควรปรับเล็กน้อย เช่น ถ้าใช้เรติน-เอ อาจขอให้หมอเปลี่ยนจากแบบเจลเป็นสูตรครีมที่ชุ่มชื้นชื้นและระวังการใช้ AHA ให้มากขึ้น เนื่องจากมันอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองมากขึ้นได้


7. เพิ่มอาหารผิวให้มากขึ้น

การต่อสู้ที่ดีที่สุดมาจากภายในการกินวิตามินรวมที่มีไบโอฟลาโวนอยด์ ไบโอติน วิตามินเอ ซี ดี อี ทองแดง สังกะสี และแมงกานีส ช่วยให้ผิวคงความมีสุขภาพดี แต่ที่สำคัญที่สุดก็คืออาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็น ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างเซลล์ผิวให้มีสุขภาพดีด้วยการเพิ่ม Epithelial Cells ซึ่งจะผลัดตัวโดยไม่ทำให้เกิดอาการอักเสบ กรดไขมันจำเป็น เช่น โอเมก้า -3 และโอเมก้า -6 พบมากในถั่ว เมล็ดพืช และยังมีมากในน้ำมันหลายชนิด เช่น น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน อีฟนิ่งพริมโรส เป็นต้น ลองเพิ่มน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสในอาหาร 1,300 มก. ต่อวัน เพื่อให้แน่ใจว่าผิวไม่ขาดกรดไขมันจำเป็น


8. เติมความชุ่มชื้นอย่าได้ขาด

เพื่อเติมและตรึงความชุ่มชื้นไว้ในผิวให้ได้มากที่สุด คุณอาจต้องเปลี่ยนมาใช้มอยสเจอไรเซอร์แบบเข้มข้นขึ้น มอยสเจอไรเซอร์แบบที่มีส่วนผสมของน้ำมันจะมีประสิทธิภาพในการปกป้องการสูญเสียความชุ่มชื้นมากกว่า หรืออาจเลือกครีมที่มีสารให้ความชุ่มชื้น อย่างเช่น ยูเรียแล็กเทต (Urea Lactate) แล้วทามอยสเจอไรเซอร์เพื่อตรึงความชุ่มชื้นไว้อีกทีก็จะช่วยปกป้องผิวจากความแห้งกร้านได้ดีขึ้น นอกจากนี้การใช้มาส์กให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ก็ช่วยได้อย่างมากอีกด้วย แต่ในกรณีที่คุณผิวมันอากาศที่แห้งและเย็นไม่ได้หมายความว่าคุณต้องชโลมผิวด้วยมอยสเจอไรเซอร์ในทันที แต่ควรรอสัก 15 นาทีหลังล้างหน้า ถ้าหน้ายังแห้งตึงอยู่ค่อยทามอยสเจอไรเซอร์ในบริเวณที่แห้งตึงไม่เช่นนั้นคุณอาจเสี่ยงกับการทำให้ผิวมันเยิ้มมากขึ้น


9. ดื่มน้ำให้มาก ๆ

การดื่มน้ำช่วยให้ผิวรักษาความชุ่มชื้นตามธรรมชาติเอาไว้ได้โดยอัตโนมัติ ช่วยให้เซลล์ชุ่มชื้นและช่วยนำสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ผิวตามหลักการอายุรเวทน้ำที่ดื่มควรจะมีอุณหภูมิเดียวกับห้องหรืออุ่นเล็กน้อย นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และกาเฟอีนที่ทำให้ร่างกายและผิวขาดน้ำ


10.ปกป้องแสงแดดเสมอ

แสงแดดไม่ว่าจะเจิดจ้าหรือหมุ่นมัวก็ยังมีรังสีที่ทำร้ายผิวได้อยู่ดีและผิวเสียจากแดดจะอุ้มความชื้นไว้ได้น้อยลง หน้าหนาวจึงไม่ได้หมายความถึงการงดใช้ครีมกันแดด แต่คุณอาจใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดผิวกายมากขึ้นซึ่งทำให้สามารถงดเว้นการทาครีมกันแดดที่ผิวกายได้แต่ยังต้องทาครีมกันแดดที่มี SPF15 เป็นอย่างน้อยบนผิวหน้าเสมอ


การดูแลผิวหน้าหนาว

- เริ่มวันใหม่ด้วยการอาบน้ำอุ่น แต่ก่อนที่จะก้าวออกจากฝักบัวเปิดน้ำเย็นราดตัวสัก 15 วินาที แล้วเปลี่ยนเป็นน้ำอุ่นอีกครั้ง และเปลี่ยนเป็นน้ำเย็นสลับไปมาราว 2 นาที นี่คือหลักการง่าย ๆ ของวารีบำบัดที่ช่วยทำให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นด้วยการกระตุ้นการไหล่เวียนโลหิตทั่วร่างกาย ฉะนั้นถึงแม้ว่าคุณจะไม่ค่อยสนุกกับกระบวนการนี้นักแต่คิดว่ามันดีกับคุณแค่ไหนเอาไว้ก็แล้วกัน

- ดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาว นี่เป็นตำรับของจีนซึ่งช่วยให้ร่างกายมีพลังวังชามันจะดีท็อกซ์ระบบของคุณรวมทั้งตับและกระเพาะปัสสาวะ หมายความว่าร่างกายคุณจะสามารถทำความสะอาดเลือดได้เร็วกว่าและกำจัดสารพิษที่ทำให้ผิวเสียได้ดีขึ้น

- นอนให้พอ เงินไม่อาจซื้อประโยชน์ของการนอนหลับสนิทยามค่ำคืนได้ ระดับออกซิเจนของคุณจะลดลงเมื่อคุณนอนไม่พอ หมายความว่าการเติบโตของเซลล์ผิวใหม่จะช้าลงทำให้ความร่วงโรยเข้ามาเยือนผิวเร็วขึ้น ลองนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงเพื่อที่จะได้ประโยชน์สูงสุดแก่ผิว



ตัวเสริม สมุนไพร Gltter Girls
http://www.weloveshopping.com/template/e1/shop.php?shopid=246443


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น